หากคุณเป็นคอกาแฟ คงต้องเห็นชื่อเมนู “Flat White” ปรากฏอยู่ในร้านกาแฟแทบทุกที่ในออสเตรเลีย หากมองในแง่ประวัติศาสตร์กาแฟแล้ว แฟลตไวท์ถือเป็นเมนูที่ค่อนข้างใหม่เพราะเพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อราว ๆ 40 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวาง และน่าแปลกที่ว่าเมนูนี้ไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศอื่น และในออสเตรเลียเอง จะหาเมนูชื่อ “Latte” เมนูกาแฟนมที่มีความใกล้เคียงได้น้อยมากเช่นกัน หลายคนอาจยังสงสัยว่าแฟลตไวท์ต่างจากลาเต้หรือคาปูชิโนอย่างไร?  วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน

 

จุดเริ่มต้นของกาแฟนมอันเป็นเอกลักษณ์

01.jpg

Photo by pixabay.com

      มีเรื่องเล่าหลายเวอร์ชันเกี่ยวกับที่มาของแฟลตไวท์ แต่มีสองเรื่องที่โดดเด่นที่สุด ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์มายาวนาน ทั้งสองประเทศต่างก็มีตำนานของตัวเองเกี่ยวกับวิธีที่แฟลตไวท์ถ้วยแรกเกิดขึ้น และจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเรื่องไหนเป็นจริง

“แฟลตไวท์” (Flat White) กาแฟแก้วเล็กที่นุ่มละมุนด้วยนมร้อนและฟองนมบาง ๆ ความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1950 เวลาต่อมาทั้งออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ ต่างก็อ้างว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเครื่องดื่มนี้

ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งในออสเตรเลีย มีหลักฐานบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1983 เมื่อคาเฟ่ชื่อ Miller’s Treat ที่ซิดนีย์ ถูกรีวิวว่าเสิร์ฟ “แฟลตไวท์คอฟฟี่” ต่อมาในปี 1984 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังเขียนเชิงล้อเลียนว่าคำว่า Caffè Latte ก็แปลว่าแฟลตไวท์นั่นเอง จนกระทั่งปี 1985 อลัน เพรสตัน เจ้าของร้าน Moors Espresso Bar ได้นำแฟลตไวท์ใส่ในเมนูถาวร และเขาเองก็บอกว่าคิดต่อยอดไอเดียนี้มาจากรัฐควีนส์แลนด์ตอนเหนือ ที่ซึ่งคนอิตาเลียนเชื้อสายเจ้าของไร่อ้อยนิยมดื่ม “ไวท์คอฟฟี่” มาตั้งแต่ยุค 1960–70 นอกจากนี้ยังมีบันทึกน่าสนใจจากโรงอาหารรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา ปี 1985 ที่ติดป้ายประกาศว่า “Flat White Only” เนื่องจากในฤดูกาลนั้นน้ำนมไม่สามารถตีฟองได้ ทำให้คาปูชิโน่หรือลาเต้ไม่เกิดฟองนมตามปกติ

ทางด้านนิวซีแลนด์ก็ไม่น้อยหน้า หนึ่งในข้ออ้างสำคัญคือที่เมืองโอ๊คแลนด์ โดยเจ้าของคาเฟ่ทำแฟลตไวท์ขึ้นมาเป็นทางเลือกแทนลาเต้แบบอิตาเลียน หลังจากได้ยินชื่อเครื่องดื่มนี้จากเพื่อนที่เคยทำงานในซิดนีย์ อีกตำนานหนึ่งก็มาจากเมืองเวลลิงตัน ว่าเกิดจากการทำคาปูชิโน่พลาดในขั้นตอนการตีฟองนม เขาขอโทษลูกค้าและอธิบายว่ากาแฟนั้นคือ “Flat White” ในปี 1989 ซึ่งต่อมากลายเป็นสูตรใหม่ในชื่อแฟลตไวท์

ยังมีผู้เขียนหนังสือ Coffee Houses of Wellington 1939 to 1979 อย่างเครก มิลเลอร์ ที่อ้างว่าเคยทำแฟลตไวท์ในโอ๊คแลนด์ช่วงกลางทศวรรษ 1980 โดยใช้สูตรที่ได้แรงบันดาลใจจากออสเตรเลียอีกด้วย

แม้จะมีเรื่องเล่าหลายด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือ แฟลตไวท์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมกาแฟในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และวันนี้มันได้เดินทางไกลไปทั่วโลก กลายเป็นเมนูโปรดในร้านกาแฟตั้งแต่ซิดนีย์จนถึงลอนดอน

 

Flat White, Latte และ Cappuccino ความเหมือนที่แตกต่าง

      หลายคนอาจสับสนระหว่าง แฟลตไวท์, ลาเต้ และ คาปูชิโน่ เนื่องจากหน้าตาที่คล้ายกัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่ “อัตราส่วน” และ “เนื้อสัมผัสของนม” 

 

02.jpg

Photo by flinderslanecafe.com.au

  • Flat White: เน้นรสชาติกาแฟที่เข้มข้นกว่า เพราะมีสัดส่วนของเอสเพรสโซ่ต่อปริมาณนมที่สูงกว่าลาเต้ รวมถึงใช้ไมโครโฟมที่บางกว่า ทำให้รสสัมผัสที่ได้จะนุ่มนวลและเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน แฟลตไวท์ถือเป็นกาแฟแก้วขนาดเล็กที่มีเพียงชั้นโฟมบาง ๆ (ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “Flat” หรือแบนราบ) ต่างจากคาปูชิโน่ที่มีฟองนมหนาอยู่ด้านบน มักจะมาพร้อมลวดลายลาเต้อาร์ท (Latte Art) ที่ตกแต่งบนผิวหน้า
    วิธีการทำแฟลตไวท์อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและแต่ละคาเฟ่ในออสเตรเลีย แฟลตไวท์มักเสิร์ฟในถ้วยเซรามิกที่มีหูจับ โดยปริมาตรใกล้เคียงกับแก้วที่ใช้เสิร์ฟลาเต้ แต่แฟลตไวท์จะมีนมและไมโครโฟมน้อยกว่า
  • Latte: กาแฟนมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ชื่อมาจากภาษาอิตาลี Caffè Latte ที่หมายถึง "กาแฟกับนม" มีปริมาณนมมากกว่า และใช้ฟองนมที่หนากว่าเล็กน้อย ทำให้ได้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนและนุ่มนวลกว่าแฟลตไวท์ ลาเต้มักมีชั้นนมที่เนียนนุ่มและหนาบนผิว เหมาะกับคนที่ชอบนมมากกว่ากาแฟ
  • Cappuccino แตกต่างออกไปตรงที่มีการเน้น “ฟองนม” เป็นองค์ประกอบสำคัญ เริ่มต้นด้วยเอสเปรสโซหนึ่งช็อต ตามด้วยนมร้อน และปิดท้ายด้วยฟองนมหนาและเบา รสชาติที่ได้จึงมีความเข้มข้นของกาแฟตัดกับความนุ่มฟูของฟองนม ปกติแล้วยังโรยด้วยผงโกโก้หรืออบเชยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความน่าดื่มคาปูชิโน่จึงให้ความรู้สึกหนักแน่นกว่าลาเต้และมีสัมผัสที่แตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละชั้น


นมที่ใช้ในเมนูแฟลตไวท์มีหลายแบบ แต่หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ชนิดของนม แต่อยู่ที่ การสตีมนม ให้ได้ ไมโครโฟม (microfoam) ที่เนียนละเอียดและเป็นมันเงา ซึ่งไมโครโฟมนี้จะช่วยเสริมรสชาติกาแฟให้มีความนุ่มนวลและเข้มข้นในเวลาเดียวกัน โดยไม่มีฟองนมฟูๆ แบบคาปูชิโน่ ซึ่ง นมสด (Whole Milk) จะได้รับความนิยมที่สุดเพราะมีปริมาณไขมันที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างไมโครโฟมที่เนียนละเอียด ทำให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมบูรณ์แบบของแฟลตไวท์ส่วนนมทางเลือกอื่นๆได้แก่

  • นมอัลมอนด์ (Almond Milk): เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือเป็นวีแกน แต่การสตีมอาจทำได้ยากกว่าและฟองนมที่ได้อาจไม่เนียนเท่ากับนมวัว
  • นมโอ๊ต (Oat Milk): เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถสตีมให้ได้ไมโครโฟมที่เนียนได้ใกล้เคียงกับนมวัว และมีรสชาติที่เข้ากับกาแฟได้ดี
  • นมถั่วเหลือง (Soy Milk): สามารถนำมาทำแฟลตไวท์ได้ แต่ต้องระวังเรื่องการสตีม เพราะอาจเกิดฟองได้ง่ายกว่านมวัว

 

ตามหา Flat White ที่ดีที่สุดในบริสเบน

      ไม่ต้องสงสัยร้านกาแฟที่ได้รับคำแนะนำโดยคนท้องถิ่น มักจะเป็นร้านกาแฟที่คั่วเมล็ดเอง ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพเมล็ดและกระบวนการชงอย่างสมบูรณ์ รับประกันได้ถึงคุณภาพและว่ากาแฟทุกแก้วจะออกมาดีเยี่ยม และนี่คือคาเฟ่และโรงคั่วกาแฟที่ขึ้นชื่อในบริสเบนบางส่วน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพกาแฟ รวมถึงแฟลตไวท์ที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน

03.jpg

Photo by broadsheet.com.au

  • Coffee Anthology: ร้านนี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในบริสเบน และยังติดอันดับร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากโรงคั่วชั้นนำของออสเตรเลียหมุนเวียนมาให้เลือกอยู่เสมอ

  • The Maillard Project: ร้านนี้เปิดโดยทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Coffee Anthology เป็นทั้งคาเฟ่เฉพาะทาง, โรงคั่ว, และศูนย์เวิร์คช็อปในที่เดียว เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับคอกาแฟที่ต้องการสำรวจเบลนด์ที่หลากหลาย

  • John Mills Himself: อัญมณีที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารเก่าแก่แห่งนี้ ร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากหลากหลายโรงคั่วท้องถิ่น เช่น The Single Guys และ Coffee Supreme ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟที่ไม่เหมือนใครในแต่ละครั้งที่แวะเวียน

  • Toby's Estate: ร้านสาขาเรือธงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนสำหรับคนรักแฟลตไวท์ คุณสามารถยืนดูบาริสต้าชงกาแฟจากบาร์ทรงกลมตรงกลางร้านได้ และยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟและวิธีการชงได้อีกด้วย

  • Bellissimo Coffee: เป็นร้านที่เคยได้รับรางวัล "โรงคั่วกาแฟที่ได้รับรางวัลดีที่สุดในออสเตรเลีย" Bellissimo มีสาขามากมายในบริสเบน ร้านใน Fortitude Valley เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการลิ้มลองเบลนด์ที่ได้รับรางวัล ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่สม่ำเสมอ

  • Industry Beans: หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในวงการกาแฟของออสเตรเลีย ที่ร้านนี้มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจด้วยบรรยากาศที่ทันสมัย และยังขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ Single Origin และเทคนิคการชงที่ล้ำสมัย เพื่อให้ได้แฟลตไวท์ที่ยอดเยี่ยม

  • Bunker Coffee: คาเฟ่เล็กๆ เป็นเหมือนมุมลับที่รู้กันเฉพาะคนท้องถิ่น ตั้งอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ที่ดัดแปลงมา และมีชื่อเสียงจากกาแฟพิเศษที่รสชาติดีอย่างสม่ำเสมอ

  • Blackstar Coffee Roasters: โรงคั่วขนาดเล็กและร้านเอสเพรสโซบาร์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของชาว West End พวกเขาคั่วเมล็ดกาแฟ Fair Trade ด้วยตัวเองในร้าน ทำให้มั่นใจได้ว่ากาแฟทุกแก้วจะสดใหม่และยอดเยี่ยม

 

แฟลตไวท์ไม่ได้เป็นเพียงแค่กาแฟแก้วหนึ่ง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเรียบง่ายที่สมบูรณ์แบบ ด้วยรสชาติที่นุ่มนวลชวนฝัน กลมกล่อมอย่างไม่มีที่ติ นอกจากนั้นเองแฟลตไวท์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมกาแฟในออสเตรเลียไปแล้ว เปรียบได้ว่าเมื่อเดินทางไปออสเตรเลียแล้วไม่ได้ลิ้มลอง "Flat White” ถือว่าเดินทางไปไม่ถึงที่หมาย แล้วคุณล่ะเจอร้านแฟลตไวท์ในดวงใจแล้วหรือไม่ อย่าลืมแบ่งปันให้ฟังด้วยล่ะ

 

อ้างอิง

  • en.wikipedia.org/wiki/Flat_white
  • nespresso.com