
กลายเป็นข่าวฮือฮาพักใหญ่เมื่อช่วงปลายปี 2023 ที่รัฐบาลออสเตรเลียได้ทบทวน และปฏิรูประบบการย้ายถิ่นฐานของประเทศ ทำให้มีการออกประกาศนโยบายใหม่หลายประการ ที่จะส่งผลกระทบต่อนักศึกษาต่างชาติและผู้ย้ายถิ่นฐานโดยตรง คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในปี 2024 เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนข้อปฎิบัติต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการต่ออายุวีซ่า บทความนี้อัพเดทบทสรุปการเปลี่ยนแปลงนี้ สำหรับใครที่คิดกำลังจะย้ายถิ่นฐานมาศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงมาทำงาน จะมีข้อกำหนดอะไรใหม่ๆบ้าง
ทบทวนนโยบายเพื่อจำกัดการเข้ามาของผู้อพยพ

Photo by freepik
ในช่วงปี 2022-23 การอพยพย้ายถิ่นของออสเตรเลียพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากถึง 700,000 คน!! หลังจากเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบหลังช่วงโควิด-19 การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างมีนัยยะนี้ มาจากจำนวนผู้ที่ยื่นวีซ่านักเรียนที่หลังไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วแบบที่ประเทศไม่ทันตั้งตัว เพราะเป็นวีซ่าที่สามารถสมัครได้ไม่ยาก เพื่อพำนักอาศัยอยู่ได้ในออสเตรเลียอย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถคงสถานะได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายคนได้กลายเป็น “ผู้อพยพชั่วคราวแบบถาวร” ทำให้เกิดแรงงานไร้คุณภาพ
การมาของนักเรียนต่างชาติที่มากขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ ส่งผลกระทบระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะวิกฤตค่าเช่าที่พักอาศัยที่สูงขึ้น และกำลังคลาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน กระทบต่อปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในตอนนี้ ก่อนที่จะเกิดปัญหาใหม่ตามมา รัฐบาลตั้งใจที่จะลดการอพยพย้ายถิ่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อยู่ที่ประมาณ 250,000 คนภายใน 2 ปี จึงก่อให้เกิดการปรับนโยบายอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมการเข้ามาของนักเรียนต่างชาติไม่ให้มากจนเกินไป และกลายเป็นนักเรียนที่มีคุณภาพ เติมเต็มในตลาดแรงงานที่ประเทศต้องการได้อย่างเหมาะสม
นโยบายในการศึกษาต่อ ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น

Photo by jcomp on Freepik
ครที่เรียนภาษาอยู่ที่นี่ คงทราบกันดีว่ามีสถาบันหลากหลายรูปแบบ รัฐบาลมองเห็นช่องโหว่ของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี จากการพิจารณาล่าสุด รัฐบาลออสเตรเลียวางแผนที่เพิ่มข้อกำหนดภาษาอังกฤษและเอกสารต่างๆ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงการทดสอบที่เรียกว่า GST หรือชื่อเต็ม Genuine Student Test ที่จะมาแทน Genuine Temporary Entrant (GTE) นั่นเอง นักเรียนที่สมัครเข้าเรียนจะต้องจัดเตรียมหลักฐานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น จดหมายตอบรับเข้าเรียน, ความพร้อมทางการเงิน, ระดับของภาษา รวมถึงจดหมายแนะนำตัวที่แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะมาศึกษาต่อ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการตรวจสอบสถาบันการศึกษาเคร่งครัดมากขึ้น เพื่อกำหนดระดับความเสี่ยงของแต่ละสถาบันการศึกษา ซึ่งความตึงเข้มนี้ ทำให้การยื่นขอวีซ่านักเรียนมีโอกาสถูกปฏิเสธมากขึ้น
สำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน จะทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้คุณสามารถต่อวีซ่าทำงานชั่วคราวหลังจบการศึกษา หรือที่เรียกกันว่า Temporary Graduate Visa (subclass 485) ได้หลายรอบได้มากถึง 8 ปี และสามารถขอยื่นต่อวีซ่าได้จนถึงอายุ 50 แต่ข้อกำหนดใหม่นี้ รัฐบาลจะลดจำนวนปีต่อวีซ่าหลังเรียนจบ โดยเฉพาะนักศึกษาปริญญาโท (Master Degree) ที่เหลือ 2 ปี แต่ก็สามารถยื่นต่ออายุวีซ่า subclass 485 ได้อีกครั้งที่สอง อีก 2-4 ปี โดยต้องอยู่ในพื้นที่ภูมิภาค (Regional Areas) ที่กำหนดเท่านั้น อีกทั้งผู้สมัครต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี เพื่อลดการแสวงหาประโยชน์จากใช้วีซ่าผิดประเภท

Photo by immi.homeaffairs.gov.au
นอกจากนี้ยังมีความเข้มงวดมากขึ้น สำหรับผู้ที่ยื่นขอวีซ่านักเรียนเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะปริญญาโท แต่ก่อนคุณจำเป็นต้องสอบ IELTS ทุก band ให้ได้ 5.5 เป็นอย่างต่ำ แต่หลังจากนี้ รัฐบาลเพิ่มเกณฑ์เป็น 6.0 ในทุก band เท่านั้น ส่วนวีซ่าสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (Graduate Visa) เพิ่มขึ้นจาก 6.0 เป็น 6.5 การปรับเกณฑ์นี้ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษาแน่นอนว่าทำให้ต้องมีการเตรียมตัวมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของผู้ที่ตั้งใจ
เพิ่มเติมวีซ่าทำงานแบบใหม่ ดึงดูดแรงงานคุณภาพ

Photo by senivpetro on Freepik
นอกจากการควบคุมปริมาณนักเรียนต่างชาติ ที่เข้ามาในประเทศอย่างจำกัดแล้ว การเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญในสายงานที่ประเทศต้องการ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่ง เพื่อช่วยเติมเต็มคุณภาพของแรงงานในประเทศให้สูงขึ้น ด้วยการออกวีซ่าแรงงานทักษะชั่วคราว ที่มีระยะเวลา 4 ปี ที่มีแผนเปิดตัวในช่วงสิ้นปี 2024 มาทดแทนวีซ่าทักษะอาชีพที่ขาดแคลนชั่วคราว (Temporary skill shortage Subclass 482) โดยโฟกัสในกลุ่มอาชีพ 3 ดังต่อไปนี้
- กลุ่ม Specialist Skills หรือผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพ โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
- กลุ่ม Core Skills ซึ่งเป็นสายอาชีพหลักในตลาดแรงงานของประเทศ
- กลุ่ม Essential Skills เป็นสายอาชีพที่กำลังขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งวีซ่าประเภทนี้ ออกมาเพื่อลดความซับซ้อนของการดำเนินเรื่องผ่านนายจ้างสปอนเซอร์ในปัจจุบัน และคาดว่าในตลอดปี 2024 นี้ จะมีการหารืออย่างต่อเนื่องสำหรับการทบทวนข้อกำหนดโครงการ Work and Holiday เป็นโครงการยอดฮิตสำหรับชาวต่างชาติในหลายประเทศที่สนใจใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลีย เพื่อทำงานและเที่ยว ใครที่กำลังทำงานอยู่ในสายอาชีพที่ประเทศออสเตรเลียขาดแคลนอยู่ล่ะก็ อย่าลืมติดตามความคืบหน้าในช่วงปีนี้อย่างใกล้ชิด
***หากต้องการอ่านข้อเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจากรัฐบาล สามารถอ่านทั้งหมดได้ที่นี่***
https://immi.homeaffairs.gov.au/programs-subsite/migration-strategy/Documents/migration-strategy.pdf
https://immi.homeaffairs.gov.au/programs-subsite/migration-strategy/Documents/migration-strategy.pdf
แผนการปรับนโยบายครั้งใหญ่นี้ รัฐบาลมุ่งหวังที่จะสร้างแรงงานคุณภาพ มีทักษะ ให้เข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น รวมถึงดึงดูดให้ย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองและชุมชนเล็กๆมากขึ้น เพื่อการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าการกระจุกตัวกันแค่ในตัวเมืองใหญ่ ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ต้องเตรียมตัวมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างไรก็ดี หากมีความตั้งใจและเจตนาที่จะเข้ามาศึกษาต่อแล้วล่ะก็ เป้าหมายและความสำเร็จนั้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
อ้างถึง
www.sbs.com.au
www.insiderguides.com.au
www.hands-on.co.th
immi.homeaffairs.gov.au