อย่างที่เราทราบกันดี ว่าประเทศออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งในประเทศบนโลก ที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักของใครหลายคน ที่ตัดสินใจเลือกที่จะมาใช้ชีวิตที่ประเทศนี้ แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นเตรียมวีซ่า เรามาเตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมความพร้อมกันก่อนกับการสมัครงานที่นี่ ว่าเราต้องทำอย่างไรบ้าง ตามคำแนะนำง่ายๆ 4 หัวข้อต่อไปนี้


ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@brookecagle

1.เข้าใจข้อบังคับการทำงาน ตามประเภทวีซ่า


เป็นอันดับแรกที่ค่อนข้างสำคัญเลย​ก่อนที่จะออกไปค้นหางาน เพราะประเภทวีซ่าที่เรามีนั้น ส่งผลต่อจำนวนชั่วโมงที่เราสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เราจะมาขอพูดถึง Student Visa (Subclass 500) กัน เชื่อว่าเป็นวีซ่าตัวแรกๆ ที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้น สิ่งที่ต้องพึงรู้ไว้นั่นคือ เราสามารถทำงานได้สูงสุด 40 ชั่วโมงต่อสองอาทิตย์ (fortnight) ไม่ว่าจะได้รับค่าจ้างหรือไม่ก็ตาม เพราะถ้ามากกว่านั้น นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว อาจจะทำให้เราไม่ได้โฟกัสที่การเรียนมากเท่าที่ควรนั่นเอง ส่วนใครที่ถือวีซ่าประเภทอื่นล่ะก็ สามารถเข้าไปค้นหารายละเอียดข้อบังคับได้ที่เว็บนี้เลย https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/already-have-a-visa/check-visa-details-and-conditions/see-your-visa-conditions#




ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@rechaoktaviani

2.เตรียมหมายเลขผู้เสียภาษี หรือ ขอใบอนุญาตตามประเภทของงาน



เมื่อรายได้เกินขึ้นภายในประเทศ ขั้นตอนต่อมาของผู้ทำงานคือการคำนวนรายรับเพื่อเสียภาษีนั่นเอง หลายๆบริษัท จำเป็นต้องมีการบันทึกเลข Tax Flie Number ของพนักงาน หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า TFN คือหมายเลขที่ใช้ในการยื่นภาษี ในฐานะผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศอย่างเรา การได้มาของ TFN จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนออนไลน์ด้วยตัวเอง สามารถเข้าไปดำเนินการได้ที่ www.ato.gov.au/individuals/tax-file-number/apply-for-a-tfn/ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 28 วัน และสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราควรเก็บหมายเลขนี้เป็นความลับ ไม่ควรนำไปบอกต่อกับผู้อื่น ถ้าหากหมายเลขนี้ตกอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี มันจะสามารถนำพาไปยังข้อมูลส่วนตัวของเราได้ อย่างเช่นบัญชีธนาคาร เป็นต้น หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของการยื่นภาษีล่ะก็ สามารถอ่านบทความภาษาไทยต่อได้ในนี้เลย https://www.ato.gov.au/uploadedFiles/Content/CR/downloads/Other_languages/Tax_in_Australia_Thai.pdf


ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@yirage

ในบางประเภทงานเฉพาะทาง หมายเลข TFN อาจจะไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องทำการออกใบอนุญาตอื่นๆ เพื่อยื่นเข้าสมัครงานอีกด้วย โดยงานส่วนใหญ่ที่คนไทยนิยมเริ่มต้น นั่นก็คืองานร้านอาหาร บางร้านจะจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พนักงานร้านอย่างเรา (แม้ว่าจะเป็นเพียงคนล้างจานในร้านก็ตาม) จำเป็นต้องมีใบอนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน ใบอนุญาตนี้เรียกว่า Responsible Service of Alcohol หรือเรียกสั้นๆว่า RSA ผู้สนใจจำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน ซึ่งเป็นคอร์สระยะสั้นประมาณ 6 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่กฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับการจำหน่ายแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการช่วยเหลือลูกค้าที่ไม่สามารถควบคุมการดื่มได้ เป็นต้น โดยสามารถสมัครเพื่อขอใบอนุญาตได้ตามสถาบันสอนที่ได้รับการรับรองจาก CRICOS (Commonwealth Register of Institutions and Courses for Overseas Students) เท่านั้น (แอบกระซิบด้วยว่ามีค่าสมัครด้วยนะ)




ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@linkedinsalesnavigator

3.ค้นหา ค้นหา และ ค้นหา


เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาแรมเดือน (หรือบางคนเป็นปี) ด้วยซ้ำ กับการค้นหางานที่เราต้องการ รูปแบบการหางานสมัยนี้ ก็มีตั้งแต่การเดิน Walk-in เข้าไปสมัครด้วยตัวเอง กับการสมัครบนหน้าจอคอมฯที่บ้าน ส่วนตัวแนะนำให้ทำไปพร้อมกันทั้งสองช่องทาง (ซึ่งก็แล้วแต่ประเภทของงานด้วยนะ) จากประสบการณ์การหางานแรกของเรานั่นคืองานร้านอาหาร สิ่งแรกที่เราเริ่มต้น คือการมองหาร้านอาหารใกล้กับที่พัก หรือที่ๆเราสามารถเดินทางไปกลับได้เอง ในขณะเดียวกันก็ค้นหาร้านที่ประกาศรับสมัครพนักงานตามเว็บไซด์ และแน่นอน Website thaibrisbane.com เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่สามารถค้นหางานในบริสเบน รวมไปถึงฝากงานได้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ส่วนตัวเราเคยใช้เว็บ sunqld.com ซึ่งงานส่วนใหญ่จะเป็นงานร้านนวด ร้านอาหารเอเชียใน Queensland ซะเป็นส่วนใหญ่ หรือหากต้องการค้นหาลักษณะงานที่กว้างขึ้น seek.com.au คือเว็บไซด์ยอดฮิตของประเทศเลยก็ว่าได้ หรือจะเป็น au.indeed.com เองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หากใครมองหาสายงานออฟฟิศอยู่ล่ะก็ คงไม่มีใครไม่รู้จัก linkedin.com เว็บไซด์ที่เราสามารถฝากโปรไฟล์ประวัติการทำงานเราได้อย่างเต็มที่ เผื่อวันดีคืนดี อาจจะโอกาสดีๆ อาจจะตกมาที่เราก็ได้




ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@linkedinsalesnavigator

4.นำเสนอตัวเองอย่างน่าสนใจและเป็นทางการ


ไม่ว่าจะสมัครงานที่ไหนก็ตาม ผู้ว่าจ้างของเราก็อยากจะรู้จักตัวเรา มากกว่าแค่การแนะนำตัวปกติ การบอกเล่าถึงความสามารถ ประสบการณ์ต่างๆหรือผลงานที่เราเคยทำสำเร็จ นับเป็นจุดดึงดูดสำคัญ ที่ทำให้ผู้ว่าจ้างอยากรับเราเข้ามาร่วมงาน ซึ่งการเตรียมตัวสมัครงาน โดยส่วนใหญ่จะมีอยู่สองหัวข้อหลักที่ต้องทำการบ้านให้พร้อม

หัวข้อแรก : เตรียมพร้อมเอกสารต่างๆ
เป็นมาตรฐานสากลกันแล้ว สำหรับการเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการสมัครงาน พื้นฐานเลยที่ทุกคนต้องมี นั่นคือ Resume กระดาษเพียง 1-2 แผ่น ที่บอกเล่าถึงประสบการณ์ ความสามารถของเรา เพื่อให้ผู้ว่าจ้างสนใจในครั้งแรก นำพาเราไปยังขั้นตอนต่อไปคือการสัมภาษณ์งาน ในบางบริษัทอาจจะต้องการเอกสารอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อความเป็นทางการ เช่น Cover Letter หรือจะเป็น CV ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ส่วนเคล็ดลับการเขียนเอกสารสมัครงานที่ดีนั้น ควรจะ “เรียบง่าย” “ตรงประเด็น”​ และ “ถูกต้องตามความเป็นจริง” นั่นเอง ตั้งใจเขียนกันให้ดีล่ะ

หัวข้อสอง : ตอบสัมภาษณ์อย่างมั่นใจ ชัดเจน และเป็นตัวของตัวเอง
เมื่อผ่านด่านแรกกับการยื่นเอกสารสมัครงานแล้ว หากผู้ว่าจ้างอ่านข้อมูลแล้วสนใจเราล่ะก็ ขั้นตอนต่อมาคือการสัมภาษณ์งาน พูดคุยกันเพื่อให้รู้จักตัวตน และทัศนคติของเราให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงแนวทางการตัดสินใจผ่านสถานการณ์สมมติต่างๆ หากได้เข้ามาทำงานจริง บางครั้งก็ให้เราแชร์เรื่องราวที่เคยประสบพบเจอมา การตอบสัมภาษณ์ที่ดีนั้น เราต้องชัดเจนว่า เราเคยผ่านบทบาทอะไรในเหตุการณ์ใด, ความสำเร็จหรือจุดแข็งของเรา,​ ผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้น และสิ่งที่อยากจะพัฒนาหรือท้าทายตัวเอง เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นตัวตนเราได้ชัดเจน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือการเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม นอนหลับพักผ่อน เพื่อความสดชื่นในวันสัมภาษณ์นั่นเอง

แท้จริงแล้ว การสมัครงานที่ออสเตรเลียนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับประเทศอื่นๆ รวมไปถึงในประเทศไทย แต่สิ่งที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ คือมุมมองการรับคนเข้าทำงานของประเทศนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง ในองค์กรใหญ่บางที่ เราสามารถพบเจอเพื่อนร่วมงานหลากหลายสัญชาติทำงานร่วมกัน เพราะความหลากหลายนี้เอง ทำให้วัฒนธรรมภายในองค์กรไม่น่าเบื่อ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเกิดขึ้นได้ดีอีกด้วย เป็นกำลังใจให้ทุกคนเจองานที่ถูกใจล่ะ