Cover Photo by theblondeabroad.com
เข้าสู่ช่วงกลางปี หลายๆคนอาจจะเริ่มขลุกตัวอยู่ในบ้าน หลบลมหนาวที่กำลังเข้ามา แต่ยังมีอีกพื้นที่หนึ่งในควีนส์แลนด์ ที่มีน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ใสราวกระจกที่เผยให้เห็นแนวปะการังหลากสีสัน ป่าฝนเขียวชอุ่มโบราณที่เต็มไปด้วยเสียงเรียกของธรรมชาติ และแสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องลงมาภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ภาพฝันอันสวยงามนี้อยู่ที่ "ควีนส์แลนด์ตอนเหนือ" ประเทศออสเตรเลีย ยิ่งเฉพาะเดือนมิถุนายน-กรกฏาคม คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด ช่วงเวลานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ "ดี" แต่ถือเป็น "ฤดูกาลทอง" ที่จะทำให้ประสบการณ์การท่องเที่ยว แตกต่างและน่าประทับใจอย่างแท้จริง
ทำไมมิถุนายนจึงเป็นเดือนที่ดี?
Photo by aboutaustralia.com
เดือนมิถุนายนคือช่วงเวลาที่ควีนส์แลนด์ตอนเหนือ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง Cairns (แคนส์) และ Port Douglas (พอร์ตดักลาส) ก้าวเข้าสู่ "Dry Season" (ประมาณเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม) หรือฤดูท่องเที่ยวที่ดีที่สุดอย่างเต็มตัว เพราะว่า
อากาศที่สมบูรณ์แบบ: บอกลาความร้อนชื้นของฤดูร้อน อุณหภูมิในเดือนมิถุนายนจะอบอุ่นสบายในตอนกลางวัน (เฉลี่ยประมาณ 20-26°C) และเย็นลงเล็กน้อยในตอนกลางคืน เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท
ท้องฟ้าสดใส ไร้เมฆฝน: โอกาสที่จะเจอฝนน้อยมาก ทำให้มีวันแดดจ้าสำหรับกิจกรรมทางทะเลและการสำรวจป่าได้อย่างเต็มที่
ความชื้นต่ำ: เดินป่าหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบายตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนช่วงฤดูร้อน
นี่คือ "ฤดูกาล" ที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากช่วง "Wet Season" (ประมาณเดือนพฤศจิกายน - เมษายน) ซึ่งมักจะมาพร้อมกับฝน ความชื้นสูง และความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ
เมือง Cairns
Photo by cairns-tours.com
"แคนส์” เมืองศูนย์กลางหลักของควีนส์แลนด์ตอนเหนือ มีสภาพอากาศที่สบายตลอดกลางปี ทำให้มีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ทั้งการผ่อนคลาย การผจญภัย และการเรียนรู้วัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นที่
Cairns Esplanade Lagoon : สถานที่ไฮไลท์ของแคนส์เลยก็ว่าได้ เป็นสระน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นริมทะเล (คล้ายกับ Southbank Parklands ในบริสเบน) เพราะไม่สามารถว่ายน้ำในทะเลโดยตรงได้เนื่องจากมีแมงกะพรุนและจระเข้ ในช่วงนี้อากาศเย็นสบายและแดดไม่ร้อนจัด เหมาะกับการมาพักผ่อน ว่ายน้ำ หรือนอนอาบแดด มีพื้นที่สำหรับเด็กๆ และสนามหญ้ากว้างขวางให้นั่งเล่น
Rusty's Markets: ตลาดผลไม้และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ใหญ่และมีชื่อเสียงของแคนส์ เปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เป็นแหล่งรวมผลไม้เมืองร้อนแปลกๆ อาหารท้องถิ่น และสินค้าหัตถกรรม
Cairns Botanic Gardens: สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมพืชพันธุ์เขตร้อนหายากจากทั่วโลก อากาศดี เดินสบาย ไม่ร้อนและไม่ชื้นจนเกินไป
เดินสำรวจสวน Flecker Garden, First Peoples Plant Use Garden สวนที่แสดงพืชที่ชาวอะบอริจินใช้, ชมเรือนกล้วยไม้, เดินบนทางเดินยกระดับ Boardwalk ในป่าฝน
นอกจากจะเป็นเมืองที่มีสีสันและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ในเมืองนี้ยังมีท่าเรือสำหรับการออกทริปไปชมปะการังมากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะทริปชมแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดโลก เริ่มต้นจากเมืองนี้เช่นกัน
Great Barrier Reef โลกใต้ทะเลเผยความงามเต็มพิกัด
Photo by montereyboats.com
ไม่มีที่ไหนในโลกจะเหมือน “Great Barrier Reef” แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเดือนมิถุนายนคือช่วงเวลาที่จะได้สัมผัสความอลังการนี้อย่างดีที่สุด ด้วยสองเหตุผลหลัก
น้ำทะเลใสดุจคริสตัล: สภาพอากาศที่แห้งและลมสงบส่งผลให้ทัศนวิสัยใต้น้ำดีเยี่ยม ไม่ว่าจะดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึก ก็จะได้เห็นปะการังหลากสีสัน ฝูงปลาสวยงาม และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน
ไร้กังวลเรื่องแมงกะพรุนกล่อง: ช่วงเดือนมิถุนายนถือว่าพ้นจากฤดูแมงกะพรุนกล่อง (Stinger Season) ไปแล้ว ทำให้การลงเล่นน้ำทะเลและกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ปลอดภัยและสบายใจยิ่งขึ้น
การได้ลอยตัวอยู่เหนือแนวปะการังมรดกโลก หรือดำดิ่งลงไปสำรวจความมหัศจรรย์ใต้ผืนน้ำ คือประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่หาจากที่อื่นไม่ได้เลยทีเดียว
เมือง Port Douglas
Photo by tourismportdouglas.com.au
“พอร์ตดักลาส” เมืองชายทะเลที่งดงาม แต่เรียบง่าย เปี่ยมด้วยรสนิยมและความหรูหรา ที่นี่คือสวรรค์ที่ตั้งอยู่ระหว่างแนวปะการัง (Reef) และป่าฝน (Rainforest) อย่างแท้จริง ด้วยเสน่ห์เขตร้อนที่สดใส พอร์ตดักลาสมีหลากหลายสถานที่และกิจกรรมที่เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัยมองหาความตื่นเต้น คู่รักที่มาฮันนีมูน การมาเที่ยวแบบครอบครัว หรือแม้แต่มาพักผ่อนช่วงวันหยุดสั้น ๆ ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างลงตัว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมากมาย ได้แก่
Four Mile Beach : หัวใจของพอร์ตดักลาสเลยก็ว่าได้ หาดทรายสีทองอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวถึงสี่ไมล์ตามชื่อ สามารถเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินเล่นรับลมยามเช้าริมหาด วิ่งจ็อกกิ้ง หรือเพียงแค่นอนอาบแดดภายใต้เงาต้นปาล์ม ในช่วงฤดูร้อนอากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนจัด ทำให้การพักผ่อนริมหาดเป็นไปอย่างผ่อนคลาย
Trinity Bay Lookout : เมื่อเดินสุดปลายหาดโฟร์ไมล์ หรือขับรถขึ้นเขาไปเล็กน้อย จะพบกับจุดชมวิวที่เห็นทัศนียภาพอันงดงามของหาดโฟร์ไมล์ที่โค้งรับกับท้องทะเลสีฟ้าครามได้อย่างชัดเจน เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ ไปได้ทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า-เย็น หรือยามบ่ายที่ท้องฟ้าเปิดกว้าง
Wildlife Habitat : สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับสัตว์ท้องถิ่นของออสเตรเลียได้ที่ศูนย์อนุรักษ์และอนุบาลสัตว์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของโคอาล่า จิงโจ้ นกหลากชนิด และสัตว์เลื้อยคลาน เป็นที่ๆเราสามารถให้อาหารจิงโจ้ด้วยมือตัวเอง ถ่ายรูปกับโคอาล่า หรือแม้แต่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับนก (Breakfast with the Birds) ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่เปิดโอกาสเรียนรู้และชื่นชมความหลากหลายทางชีวภาพของออสเตรเลียได้อย่างใกล้ชิด
Macrossan Street : ถนนใจกลางเมืองพอร์ตดักลาสที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมความมีชีวิตชีวา ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศ คาเฟ่เก๋ๆ และร้านค้าแฟชั่น ของที่ระลึก สามารถใช้เวลาเดินเล่น ช้อปปิ้ง หาซื้อของฝาก หรือนั่งจิบกาแฟและเฝ้าดูผู้คนที่สัญจรไปมาในบรรยากาศสบายๆ ยามค่ำคืน ร้านอาหารหลายแห่งก็เปิดให้บริการ พร้อมเสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่และอาหารนานาชาติรสเลิศ
Sunday Markets : หากได้มาเยือนพอร์ตดักลาสในวันอาทิตย์ อย่าพลาดโอกาสที่จะเดินเล่นที่ Sunday Markets ที่นี่เป็นตลาดท้องถิ่นที่คึกคัก เต็มไปด้วยสินค้าหัตถกรรมที่ทำด้วยมือ ผลไม้เมืองร้อนจากฟาร์มในท้องถิ่น เสื้อผ้า และงานศิลปะต่างๆ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหาของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใคร และสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในย่าน
Marina Mirage : ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดที่เรือทัวร์ส่วนใหญ่จะออกเดินทางไปยังแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ แต่ตัวท่าเรือเองก็เป็นสถานที่ที่น่าสนใจเช่นกัน ที่นี่มีร้านค้าหรู ร้านอาหาร และคาเฟ่ริมน้ำให้เราได้นั่งพักผ่อนชมวิวเรือยอทช์สุดหรูที่จอดเรียงราย หรือจะเดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินก็สวยงามไม่แพ้กัน
การได้มาเยือนพอร์ตดักลาสในช่วงนี้ คุณจะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเมืองชายทะเลแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมหาด การสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หรือการดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ ของเมือง พอร์ตดักลาสมีทุกสิ่งที่จะทำให้วันหยุดน่าจดจำอย่างแน่นอน รวมถึงเมืองแห่งนี้ยังเป็นประตูสู่ป่าฝนโบราณที่ควรค่าแก่การเข้าไปสัมผัส
ป่าฝนโบราณ Daintree Rainforest
Photo by queensland.com
Daintree Rainforest ป่าฝนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ไม่อยู่ไม่ไกลจากแนวปะการัง ที่ซึ่งความเขียวขจีมาบรรจบกับท้องทะเลที่ Cape Tribulation เข้าป่าไปสูดอากาศบริสุทธิ์และดื่มด่ำกับความเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ เป็นการพักผ่อนที่แท้จริง
เดินสำรวจได้อย่างสบายตัว: อุณหภูมิที่เย็นลงและความชื้นต่ำทำให้การเดินป่าศึกษาธรรมชาติไปตามทางเดินไม้ (Boardwalks) หรือการล่องเรือชมระบบนิเวศป่าชายเลนเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งถนนหนทางและเส้นทางเดินป่าในป่าฝนจะแห้ง ทำให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัย
โอกาสพบเห็นสัตว์ป่า: ป่าเดนทรีเป็นบ้านของนกแคสโซแวรี จระเข้น้ำเค็ม (ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีการจัดการ) และสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด
นอกจากการดำน้ำที่ Great Barrier Reef และเดินป่า Daintree แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจเช่น
- ล่องเรือไปยังหมู่เกาะ Whitsundays เพื่อชมหาดทรายขาว Whitehaven Beach
- เยี่ยมชมหมู่บ้าน Kuranda, แวะ Mission Beach เมืองชายหาดที่ทอดยาวกว่า 14 กิโลเมตรอันเงียบสงบ โลเคชั่นที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมกระโดดร่ม (skydiving) ลงบนชายหาด
- ล่องแก่งในแม่น้ำ Tully River ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ล่องแก่งที่ดีที่สุดในโลก
- นั่งรถไฟชมวิว Kuranda Scenic Railway และ Skyrail Rainforest Cableway
- ขึ้นบอลลูนชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือที่ราบสูง Atherton Tablelands เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจในช่วงฤดูแล้ง เพราะอากาศนิ่งและท้องฟ้าปลอดโปร่ง
เนื่องจากเริ่มเป็นช่วงพีคของการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ การจองที่พัก ทัวร์ และเที่ยวบินล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีสำหรับกลางวัน เสื้อคลุมบางๆ สำหรับช่วงเช้าหรือเย็น และชุดว่ายน้ำ (แน่นอน!) ครีมกันแดด หมวก และแว่นกันแดดเป็นสิ่งจำเป็น
ฤดูหนาวคือช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการออกไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของควีนส์แลนด์ตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยในโลกใต้ทะเล หรือการไปสำรวจความเขียวขจีของป่าฝนโบราณ ภูมิภาคแห่งนี้พร้อมมอบประสบการณ์ที่ "แตกต่างไม่เหมือนที่ไหน" ให้เราได้จดจำไปอีกนานแสนนาน อย่ารอช้า เริ่มวางแผนการเดินทางสู่สวรรค์เขตร้อนแห่งนี้ได้เลย