
😎 ยินดีต้อนรับผู้อ่านเข้าสู่บทความ เที่ยวตามฤดู The Series 😎
เข้าสู่ตอนสุดท้ายของซีรี่ย์ เที่ยวตามฤดู”“ วันนี้เราจะมาปิดท้ายกันที่ ฤดูร้อน ฤดูที่แสนจะคึกคักเพราะตรงกับช่วงสิ้นปีพอดี ความสนุกสนานมากมายเกิดขึ้นภายในเมือง ท่ามกลางท้องฟ้าปลอดโปร่ง และแดดเจิดจ้านี้ มาดูกันว่าฤดูร้อนนี้ บริสเบนจะมีอะไรให้เราได้เติมเต็มความสุขด้วยกิจกรรมอะไรกันบ้าง มาติดตามกัน
⛅️ สภาพอากาศและภาพรวม ⛅️
Photo by by Sasin Tipchai from Pixabay ถ้าพูดถึงฤดูร้อนที่บริสเบน คนไทยอย่างเราต้องคุ้นเคยกับอากาศแบบนี้ค่อนเป็นอย่างดี อุณหภูมิเฉลี่ยของหน้าร้อนในช่วงกลางวันอยู่ที่ 21 - 29.8°C ส่วนกลางคืนก็มีสภาพอากาศที่เย็นลงเล็กน้อย เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม จนถึงมีนาคม สภาพอากาศในช่วงฤดูนี้ จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งอาจจะเกิดพายุฝนรวมไปถึงน้ำท่วมหลาก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ที่ผ่านมา แท้จริงแล้วบริสเบนเคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในอดีตอีกถึง 2 ครั้ง คือเมื่อเดือนมกราคมปี 2011 ที่เกิดจากพายุไซโคลน และย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1893 ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่จนต้องขนานนามว่า
“The Black February Flood” นี่นอกจากสะพานจะเสียหายแล้ว ยังเกิดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นด้วย
📸 กิจกรรมที่น่าทำ 📸
Photo by Igor Link from Pixabay ฤดูร้อนสำหรับชาวออสซี่ อาจจะต่างกับคนไทยอย่างเรา ตรงที่พวกเค้าไม่ชอบอยู่บ้านหลบร้อน แต่เลือกที่จะออกจากบ้าน ทำกิจกรรมนอกบ้านและรับแดด ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทะเล, ปั่นจักรยาน นั่งปิกนิก รับบรรยากาศที่สวนสาธารณะ หรือถ้าตากแดดไม่ไหวจริงๆ ก็เลือกที่จะเดินเข้าห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าเพื่อไปช้อปปิ้ง กินของเย็นดับร้อน จะเห็นว่าเป็นช่วงเดือนที่ผู้คนออกมานอกบ้านอย่างคึกคัก อีกทั้งช่วงเดือนฤดูร้อนก็ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ คริสต์มาสพอดี เมืองมีบรรยากาศสีสันมากกว่าปกติเมื่อเทียบกบฤดูกาลอื่น สิ่งที่ควรระวังที่หลายคนจะชะล่าใจ คือความแรงของรังสี UV ที่นอกจากจะทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นแล้ว ยังเป็นสาเหตุของฝ้า กระ รวมไปถึงโรคทางผิวหนังอื่นๆ จะออกนอกบ้านทั้งที อย่าลืมพกแว่นกันแดด หมวก และทาครีมกันแดดด้วย
Photo by howardsmithwharves.com อากาศร้อนแดดจ้าขนาดนี้ จะให้ขยับตัวไปไหนไกลก็คงเหนื่อย งั้นลองหาที่นั่งชิลล์ในตัวเมืองรับลมเย็นในร่มหรือจะอาบแดดไปเลย อย่างการนั่งชมวิวมุมสูง รับลมบน Rooftop Bar บาร์ดาดฟ้าในเมือง ที่มีวิวแจ่ม บรรยากาศดี มีเครื่องดื่มและอาหารอร่อยๆ ในบางแห่งสามารถมองเห็นวิวเมืองแบบ 360 องศาในจุดที่สูงที่สุดของเมืองเลย อย่างเช่น
”Fiume Rooftop Bar” บาร์มุมสูงชั้น 3 ของ โรงแรม
The Fantauzzo บริเวณ
Howard Smith มุมที่มองเห็นสะพาน Story Bridge ได้อย่างใกล้ชิด และหากพูดถึงย่านกินดื่ม คงหนีไม่พ้นย่าน
Fortitude Valley ซึ่งนอกจากจะมีผับบาร์ที่เดินแวะเข้าไปสั่งเครื่องดื่มได้แล้ว ย่านนี้ยังมีร้านดาดฟ้าที่ซ่อนตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
”Valley Hops Brewing" ร้านที่ยกโรงกลั่นเบียร์ไว้บนดาดฟ้า สามารถดื่มเบียร์ได้สดจากถัง พร้อมกับพิซซ่าหลากเมนู
”Cielo Rooftop" ร้านดาดฟ้าที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองครีมสีสันสดใสไปพร้อมกับแสงแดด
”Maya Mexican" ร้านดาดฟ้าที่มีแรงบันดาลใจมาจากภูมิภาค Maya ในเม็กซิโก ออกมาเป็นการตกแต่งที่โปร่งโล่งและรู้สึกเย็นสบายและเสิร์ฟอาหารสไตล์เม็กซิกัน ตั้งอยู่บนชั้น 11 ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองบริสเบนได้กว้างมากขึ้น แต่ถ้าอยากไปสัมผัสบรรยากาศวิวมุมสูงที่สุดของเมืองในโอกาสพิเศษล่ะก็ ต้องที่
"The Terrace Rooftop Bar & Restaurant” ตั้งอยู่บนชั้น 21 ของโรงแรม
The Emporium Hotel ในย่าน South Bank นอกจากนี้ที่นี่คือ Rooftop Bar ที่หรูหราที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้ เสิร์ฟตั้งแต่มื้อเช้าจนไปถึงปาร์ตี้ในช่วงดึก วันไหนฟ้าเปิด สามารถมองเห็น
Moreton Island ได้เลยทีเดียว
Photo by Siggy Nowak from Pixabay อีกหนึ่งวิธีดับร้อนได้ดีที่สุด คือการแช่น้ำหรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เพราะน้ำจะช่วยพัดพาลมเย็นมาที่ปะทะกับตัวเรา อย่างที่เราทราบกันดี
South Bank Parklands มีชายหาดทรายจำลองและสระน้ำที่ให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาใช้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายที่มีชื่อว่า
“Streets Beach” สวมชุดว่ายน้ำลงเล่น หรือจะใช้เวลาริมสระได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กที่สามารถสนุกได้อย่างปลอดภัย หรือถ้าไม่อยากตัวเปียก สามารถหาร้านนั่งชิลล์ริมน้ำได้บริเวณ Streets Beach และโดยรอบ หรือจะปูเสื่อปิกนิก นั่งเล่นได้ที่
River Quay Green ลานหญ้ากว้างขวางริมน้ำ เหมาะกับการมานั่งในช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังตกดิน ถ้ายังไม่หายร้อน เดินเข้าไปรับความเย็นได้ที่
Queensland Art Gallery, Gallery of Modern Art และ
Queensland Museum ที่อยู่ใกล้กันทั้งหมด เป็นโซนพิพิทธภัณฑ์ประจำเมืองที่จัดแสดงงานศิลปะแบบชั่วคราวและถาวร ส่วนตัวเราชอบมากเพราะเป็นที่ๆเราไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ รวมไปถึงยังมี
State Library of Queensland ที่เราไปนั่งอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ ใช้เวลาช่วงบ่ายที่แดดจัดทั้งวันได้ที่นี่
Photo by adrianschrinner.com.au นตัวเมืองบริสเบน มีบริการโดยสารเรือเฟอร์รี่ที่เรียกว่า
CityCats (ย่อมาจากคำว่า Catamarans) เป็นการเดินทางด้วยเรือสาธารณะที่วิ่งบนแม่น้ำบริสเบน เริ่มต้นเส้นทางจากสถานี
University of Queenslands ที่ใกล้แคมปัสของ UQ ย่าน
St Lucia ยาวขึ้นไปทางเหนือจนถึง
North Hamilton ป้ายสุดท้ายที่จอดแวะสถานที่ชื่อดังอย่าง
Eat Street Northshore เป็นอีกรูปแบบการเดินทางที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการจราจร และมีราคาเริ่มต้นเพียง $2.63 สำหรับบุคคลทั่วไป และ $1.32 สำหรับเด็กนักเรียน นักศึกษา และผู้ได้รับการยกเว้น (Concession) เพียงแตะบัตร
go card ใบเดียวเข้าและออกสถานี
Photo by brisbane.qld.gov.au และที่สำคัญ ยังมีเส้นทางเรือเฟอร์รี่ที่ “ฟรี” สำหรับทุกคน โดยเรียกเส้นทางนี้ว่า
CityHopper โดยเส้นทางที่ให้บริการเริ่มตั้งแต่สถานี
North Quay จนไปถึง
Sydney Street ย่าน New Farm เริ่มให้บริการตั้งแต่ ตี 5.30 จนถึงเที่ยงคืน จะขึ้นลงแวะเที่ยวระหว่างสถานี หรือจะนั่งไปกลับ รับลมชมวิวเมืองสองข้างทางก็ได้แบบฟรีๆก็ทำได้ เป็นอีกกิจกรรมที่ได้ทั้งลมเย็นและท่องเที่ยวชมเมืองในราคาไม่แพง
🌾อาหาร/วัตถุดิบที่น่าลอง 🌾
Photo by Obodai26 from Pixabay ฤดูร้อน คือฤดูที่ออกผลผลิตได้ดี เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น พืชพันธุ์ต่างๆที่ได้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับในไทย เหมาะมากที่จะเริ่มต้นปลูกต้นอะไรสักอย่าง จะเพื่อความสวยงามของสวนหลังบ้าน หรือจะปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อรอผลผลิตไว้ทานเอง แต่ก็อย่าชะล่าใจกับแดด จนลืมหมั่นให้ความชุ่มชื้นต้นไม้ และแมลงที่คอยกัดกินใบและต้นอ่อนของคุณ ซึ่งพืชพันธุ์ที่ปลูกได้ดีในฤดูกาลนี้ มีดังต่อไปนี้
Citrus Fruits: นอกจากพริกขี้หนูที่ปลูกได้ดีภายใต้แสงแดดแล้ว ยังมีพืชตระกูลส้ม ทั้งผลส้มสายพันธุ์ต่างๆ, มะนาว, เลม่อน ที่สามารถอยู่ได้ในสภาวะแสงแดดจัด เหมาะมากที่จะปลูกเป็นพืชผักสวนครัวไว้ทานเองที่บ้าน นอกจากพืชเหล่านี้จะชอบแดดหน้าร้อนแล้ว สิ่งสำคัญคือการหมั่นให้น้ำด้วยเช่นกัน อย่างที่ทราบกันดี ประโยชน์ของผลไม้เหล่านี้เต็มไปด้วยวิตามิน C และอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรง ต้านโรคที่มา ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง
Pawpaw: เมื่อเราพูดถึงชื่อนี้ มักจะไปพ้องกับแบรนด์สีผึ้งหลอดสีแดง ที่ได้กลายไปเป็นของฝากยอดฮิตประจำออสเตรเลีย แต่แท้จริงแล้วนี่คือชื่อของผลไม้ที่หน้าตาคล้ายกับมะละกอบ้านเรา แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว แถมรสชาติยังคล้ายกับกล้วยและมะม่วงมารวมกัน “พาวพาว” คือพืชที่ปลูกได้ดีในเขตร้อนชื้นอย่างบริสเบน ด้วยรสชาติหวานมันคล้ายคัสตาร์ดและเนื้อที่ชุ่มช่ำ สามารถนำไปประกอบเป็นสลัด และของหวานได้บางชนิด พาวพาว เต็มไปด้วยประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนช่วยต้านอนุมูลอิสระ, วิตามิน A และ C และแร่ธาตุหลายชนิด
Mangoes: ผลไม้ที่มีรสชาติคุ้นเคยทานมาตั้งแต่เด็ก สายพันธุ์มะม่วงที่ชาวบริสเบนนิยมทาน จะมีเนื้อที่เหลืองและสุก คล้ายกับน้ำดอกไม้ ได้แก่ สายพันธุ์
Kensington Pride ที่มีผิวภายนอกที่เหลืองค่อนไปทางส้ม,
R2E2 มีลักษณะผลที่อ้วนกลม ไม่เรียวยาว,
Calypso มะม่วงสีส้มแดง แต่โอกาสที่จะหามะม่วงเขียวเสวยแบบมะม่วงมันทาน คงหาได้ยาก มะม่วงเป็นผลไม้ที่ทานแล้วดับร้อนได้ดี สามารถนำไปทำเป็นเมนูเครื่องดื่มและของหวานได้มากมาย เช่น น้ำปั่น หรือไอศกรีม
Photo by Heike Tönnemann from Pixabay Pineapples: สัปปะรด หนึ่งในผลไม้ตระกูล Tropical ที่ปลูกได้ดีในบริสเบนและควีนส์แลนด์ ปลูกง่ายและให้ผลผลิตดีเพราะสัปปะรดชอบอากาศร้อน จะสังเกตว่าในช่วงหน้าร้อน ถ้ามีโอกาสไปเดินตลาดจะพบเจอสัปปะรดเป็นจำนวนมาก ในช่วงก่อนเข้าหน้าหนาว และครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ใครมีโอกาสเดินผ่านไปบริเวณ CBD ที่
Queens Gardens สวนที่อยู่ด้านหลัง
Treasury Casino คงได้พบเห็นกระถางต้นสัปปะรด วางเรียงด้านนับร้อยกระถาง เป็นนโยบายของหน่วยงานด้านการเกษตรของเทศบาล ซึ่งต้นสัปปะรดที่วางเรียงรายนั้น ต่อมาได้แจกฟรีให้กับผู้ที่เดินผ่านไปมา เป็นการเชิญชวนให้ชาวเมืองปลูกสัปปะรดเองที่บ้าน และลบความเชื่อที่ว่าสัปปะรดปลูกยากและเติบโตได้ในใต้ดินเท่านั้น
สัปปะรดสามารถอยู่ได้ในทุกขั้นตอนของมื้ออาหาร ตั้งแต่การเตรียมอาหาร และเป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหาร จบด้วยเป็นผลไม้ปิดท้ายมื้อ เมนูที่รังสรรค์ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัดสัปปะรด, ผัดเปรี้ยวหวาน, แกงเผ็ดบางเมนู เมนูที่นิยมคงหนีไม่พ้นน้ำปั่นสัปปะรด เพราะทานแล้วสดชื่น ทานง่าย ดับร้อนได้ดีเลยทีเดียว คุณประโยชน์ที่สำคัญคือการช่วยย่อยอาหาร เพราะในสัปปะรดมีเอ็นไซม์ที่ชื่อว่า
Bromelain ทำให้ไปช่วยจัดเส้นใยของโปรตีนให้สลายตัวเร็วขึ้น เป็นตัวช่วยให้น้ำย่อยในกระเพราะไม่ทำงานหนักเกินไปนั่นเอง
🏙 สถานที่ที่ต้องไป 🏙
Photo by Robert from Pixabay ชาวออสซี่รักการอาบแดดโดยเฉพาะในหน้าร้อน
Gold Coast คือแหล่งที่มีชายหาดและกิจกรรมทางน้ำมากมาย เปรียบเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศใกล้ตัวเมือง ถ้าเปรียบเทียบกับที่ไทยคงเหมือนกับพัทยา สามารถเดินทางได้จากตัวเมืองด้วยรถยนต์เพียงไม่กี่ชั่วโมง หรือด้วยรถไฟสาธารณะก็ได้ โกลด์โคสต์ คือเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้า ร้านอาหารและความชิลล์ ไฮไลท์ของเมืองคือ ชายหาดอาบแดดที่มีความยาวหลายกิโลเมตร รวมไปถึงแนวคลื่นที่มีสูง จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดที่ชาวเล่นเซิร์ฟต่างตกหลุมรัก
ชายหาดยอดนิยม อันได้แก่
Surfers Paradise แลนด์มาร์กที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว ทั้งโรงแรมที่พัก, ร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ใครที่มาที่โกลด์โคสต์เป็นครั้งแรก แนะนำมาพักย่านนี้เพราะมีที่พักราคาหลากหลาย โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเห็นชาวเมืองมาออกกำลังกาย จูงน้องหมามาเดินเล่น หรือวัยรุ่นมาเล่นสเกตบอร์ดเท่ๆ บริเวณนี้ยังมีจุดชมวิวมุมสูงอย่าง
SkyPoint Climb จุดบริเวณดาดฟ้าของตึก
Q1 ที่มีความสูงเท่ากับตึก 77 ชั้น สามารถมองเห็นวิวเมืองโกลด์โคสต์ได้เต็ม 360 องศา
อีกชายหาดที่ยอดนิยมไม่แพ้กันคือ
Broadbeach ที่แม้ว่าไม่คึกคักไม่เท่ากับชายหาดแรก แต่ก็มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย นอกจากเราจะได้สนุกกับการเล่นน้ำทะเล และอาบแดดได้อย่างเต็มที่แล้ว ใกล้ๆยังมีสวนสาธารณะ
Pratten Park ที่ให้เราพาเพื่อนๆมานั่งทำบาร์บีคิวได้ อีกทั้งยังเป็นชายหาดที่จัดกิจกรรมใหญ่ อย่างเทศกาลดนตรี
Groundwater Country Music Festival
Photo by tangalooma.com Moreton Island คืออีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งสำหรับชาวออสซี่และนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเดินทางไปยังเกาะได้ด้วยรถยนต์ 4 wheel drive เพื่อไปแคมป์ปื้ง หรือการซื้อทัวร์แบบ 1 Day Trip ก็มีให้เห็นมากมายหลายเจ้า แม้ว่าเป็นเกาะขนาดเล็กและมีโรงแรมเพียง 1 แห่งถ้วนนั่นคือ
“Tangalooma Resort" แต่บนเกาะก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจและไม่เหมือนที่อื่น อย่างเช่นการไถลลงจากเนินทราย ที่เรียกว่า Sand Boarding หรือการให้อาหารโลมาด้วยมือเปล่าบริเวณน้ำตื้น ยังมีอีกจุดไฮไลท์บนเกาะ นั่นก็คือการว่ายน้ำ Snorkelling หรือจะพาย Kayaking รอบๆ ซากเรืออัปปางกลางทะเล ตรงนี้เป็นจุดที่มีชื่อว่า
Tangalooma Wrecks สามารถเจอปลารูปแบบต่างๆ ปะการังและระบบนิเวศที่ใช้โครงสร้างของเรือพึ่งพากัน
Photo by tangalooma.com ยังมีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆบนเกาะ อย่างเช่น ที่เกาะนี้คือที่ตั้งของประภาคารแห่งแรกของรัฐควีนส์แลนด์ มีชื่อว่า
“Cape Moreton Lighthouse” ก่อตั้งในปี 1857 ปัจจุบันได้กลายเป็นเพียงจุดท่องเที่ยว และยังมีทะเลสาบที่เกิดขึ้นเมื่อจากการยุบตัวของทราย ชื่อว่า
“Blue Lagoon” นอกจากจะเหมาะสำหรับการลงไปเล่นแล้ว บริเวณรอบๆก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบการดูนก บริเวณทะเลสาบนี้สามารถพบเจอนกป่าหลากหลายชนิด และยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆอีกมาย รอให้เราได้เข้าไปดูด้วยตาตัวเอง แต่ถ้าไปวันเดียวคงจะเก็บไม่ครบ หากต้องการค้างคืนและซื้อทัวร์ท่องเที่ยวบนเกาะ สามารถอ่านรายละเอียดและจองได้ที่
https://www.tangalooma.com/ 🎊 เทศกาลพิเศษที่ห้ามพลาด 🎊
เทศกาล Christmas และ New Year’s Eve
Photo by studentone.com ช่วงสิ้นปีคือช่วงที่ผู้คนต่างรอคอยอย่างปฎิเสธไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีวันหยุดยาวให้ออกไปใช้เวลาพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ามาทั้งปี ยังเป็นช่วงที่ในเมืองและนอกเมือง ต่างมีกิจกรรมที่ให้ได้ไปสร้างความสุขกับเพื่อนๆและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันคริสต์มาสและช่วงวันปีใหม่ ที่ทั้งเมืองพร้อมใจกันประดับประดา ตกแต่งหน้าร้านในบริเวณ
Queen Street Mall ไว้อย่างสวยงามน่าชม ภายในเมืองมีธรรมเนียมการตั้งต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ตระหง่านด้านหน้า
Brisbane City Hall พร้อมกับฉายไฟบนด้านหน้าอาคารในทุกปี รวมถึงตลาดคริสต์มาส ตลากที่จำหน่ายอาหาร ของใช้ งานฝีมือ ให้ได้เลือกซื้อของขวัญให้กันในช่วงปีใหม่ที่จะมาถึง ซึ่งตลาดบางแห่งเริ่มตั้งแผงขายกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม เผลอๆยาวข้ามปีไปเลยก็มี และที่สำคัญในช่วงเดือนปลายเดือนพฤศจิกายนหลังวัน Thanksgiving จะมีเทศกาล Sale ที่เรียกว่า
“Black Friday” ที่แต่ละร้านค้าออกมาโละสินค้าเก่า ด้วยการลดราคาสินค้าแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ของจริง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใครที่มีอะไรอยากได้อดใจรอวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ของปีนี้ได้เลย
แน่นอนว่าในวันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการ ร้านค้าและร้านอาหารหลายแห่งจะปิดทำการ แต่ก็มีสถานที่บางแห่งเปิดเพื่อต้อนรับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์ที่
Lone Pine Koala Sanctuary ศูนย์อนุบาลหมีโคล่า รวมไปถึงสวนสาธารณะต่างๆในเมือง ที่เปิดให้ผู้คนไปนั่งปิกนิกและ Barbie กันกับเพื่อนฝูง อีกหนึ่งความสวยงามที่จัดขึ้น นั่นคือ
“The Enchanted Garden” การจัดแสงสีไฟยามค่ำคืน ในสวน
Roma Street Parkland ที่เปิดให้เข้าชมความสวยงาม (แบบมีค่าใช้จ่าย) อีกมุมหนึ่งของบริสเบนในสวนสาธารณะยามค่ำคืน รวมไปถึงย่าน South Bank ก็ยังมีกิจกรรมฟรีที่จัดขึ้นตลอดเดือนธันวาคม ไม่ว่าจะเป็น การฉายภาพยนตร์กลางแปลง, ตลาดขายสินค้าแฮนด์เมด, โชว์การแสดง ดนตรีสด และอีกหนึ่งธรรมเนียมของวันคริสต์มาสนั่นคือคอนเสิร์ตประสานเสียง
“The Lord Mayor’s Christmas Carols” ที่จะมีเด็กๆแต่งตัวน่ารักๆในธีมคริสต์มาส ร่วมกันร้องเพลงแห่งความสุขไปพร้อมกันที่ Riverstage ใน
City Botanic Gardens เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชมฟรี และฉลองเข้าสู่วันสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีใหม่ ด้วยการเฉลิมฉลองจุดพลุไฟสุดอลังการกับงาน
”Lord Mayor’s NYE Fireworks” จัดขึ้นบนแม่น้ำบริสเบน บริเวณสะพาน Story Bridge สามารถเฝ้ารอความสวยงามของพลุหลากสีได้ บริเวณ South Bank
Australia Day
Photo by en.wikipedia.org/wiki/Australia_Day เทศกาลวันชาติประจำปีในทุกวันที่ 26 มกราคม ซึ่งตรงกับวันที่เรือทั้ง 11 ลำจากอังกฤษ ยกทัพขึ้นบกในปี 1788 ที่
Port Jackson เมืองท่าที่เป็นส่วนหนึ่งของ Sydney และในวันนั้นเองได้ปักธงชาติบนลงแผ่นดินนี้ เป็นการแสดงออกถึงชัยชนะ ในยุคล่าอาณานิคมในประเทศ วันสำคัญนี้เองได้ถูกตั้งชื่อว่าวัน
“The First Fleet” เพราะการมาของชาวตะวันตก นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย รวมไปถึงเปิดรับการเข้ามาของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติจากฝั่งยุโรป ให้เข้ามาตั้งหลักปักฐานสร้างเมืองกันบนเกาะแห่งนี้ แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน การมาของกลุ่มคนแปลกหน้า คือการรุกรานเข้ามายังพื้นที่ดั้งเดิมของชาวท้องถิ่นโบราณอย่าง Aboriginal ทำให้ชุมชนกลุ่มคนเหล่านี้ถูกทำลายรวมถึงที่พักอาศัย จนต้องระหกระเหินหนีตายเพื่อไปสร้างพื้นที่แห่งใหม่บนประเทศบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งตั้งแต่ปี 1938 เป็นต้นมา แต่ละเมืองจะมีกิจกรรมเพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อกลุ่มคนพื้นเมืองในอดีต รวมไปถึงมีกลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ยกเลิกการเฉลิมฉลองในวันชาติออสเตรเลียทุกๆวันนั้น
เนื่องจากเป็นวันที่มีความสำคัญประจำปีและเป็นวันหยุดราชการ มีการเดินขบวนโบกธงฉลอง ผู้คนในเมืองต่างออกมาพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง ทำ Barbie กันตามสวนสาธารณะ และร่วมกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดนตรีสด, การแสดงทางวัฒนธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงพลุเฉลิมฉลองบนแม่น้ำบริสเบนในช่วงค่ำ บริเวณ Story Bridge ที่ผู้คนสามารถมานั่งรอชมความสวยงามของพลุได้ตั้งแต่บริเวณ Southbank ในช่วงค่ำ
นี่คือหนึ่งในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย งานนี้จัดขึ้นบริเวณเมือง
Woodford ย่าน
Morton Bay ในทุกวันที่ 27 ธันวาคมถึงวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคมของทุกปี ยาวถึง 6 วัน 6 คืน
Woodford Folk Festival จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1987 เนื่องจากเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน มีผู้คนเข้าร่วมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นเทศกาลดนตรีได้รับรางวัล
“Best Live Music Festival or Event” จาก
National Live Music Awards เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา งานใหญ่นี้รวมศิลปินและนักดนตรี ทั้งในและต่างประเทศมากถึง 2,000 คน และมีผู้เข้าร่วมงานมากถึงหลักแสนคนเลยทีเดียว โปรแกรมภายในงานมีไลฟ์คอนเสิร์ต ในแนวเพลงอันหลากหลาย ทั้งแบบเต็มวงและอะคูสติก, การแสดงเต้นในรูปแบบต่างๆ , การแสดงละครเวทีและกายกรรม, ฉายภาพยนตร์ และ Workshop ต่างๆ ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าอยู่เต็ม 6 วัน ได้รับชมศิลปะไม่ซ้ำกันเลยสักวัน
Photo by en.wikipedia.org/wiki/Woodford_Folk_Festival นอกจากเสียงดนตรี ศิลปะ และการเต้นรำแล้ว สิ่งที่เป็นธรรมเนียมของที่นี่คือ
“The 3 Minutes Silence” คือการสร้างบรรยากาศให้อยู่ภายใต้ความเงียบใน 3 นาทีสุดท้ายของปี เพื่อต้อนรับเข้าสู่วันปีใหม่ในตอนเที่ยงคืนตรง และช่วงพระอาทิตย์ขึ้นของวันปีใหม่นั้นเอง ก็จะมีดนตรีบรรเลงขับกล่อมต้อนรับเข้าสู่วันแรกของปีได้อย่างสงบ และจบงานวันสุดท้ายด้วย
“The Fire Event” การจุดไฟที่ซุ้มปีใหม่ที่ใช้ในงาน ให้เกิดเพลิงไหม้โดยมีดนตรีและการแสดงล้อมรอบ เป็นอันจบงานอย่างเป็นทางการด้วยงานศิลปะอันแสงลึกซึ้งและมีเรื่องราว
จบกันแล้วสำหรับบทความซีรี่ย์ “เที่ยวตามฤดู” จากบทความทั้งหมด 4 ฤดูที่ผ่านไป หวังว่าทุกคนจะได้ไอเดียการไปเที่ยวในฤดูต่างๆกัน ไม่มากก็น้อย อีกไม่กี่เดือนก็เข้าสู่ฤดูกาลใหม่แล้ว อย่าลืมวางแผนเที่ยวกันด้วยล่ะhttps://www.australia.com
www.therooftopguide.com/rooftop-bars-in-brisbane
https://www.brisbane-australia.com/brisbane-city-cats.html
https://www.brisbane.qld.gov.au/traffic-and-transport/public-transport/citycat-and-ferry-services
https://www.4bc.com.au/why-a-pineapple-plantation-has-popped-up-in-the-brisbane-cbd/
https://visit.brisbane.qld.au/
https://www.queensland.com/sg/en/places-to-see/experiences/beaches/best-beaches-gold-coast
https://brisbanekids.com.au/christmas-in-brisbane-city-for-families/
https://en.wikipedia.org/wiki/Australia_Day
https://en.wikipedia.org/wiki/Woodford_Folk_Festival
https://www.theurbanlist.com/brisbane/a-list/summer-music-festivals-brisbane